ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ

ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

ท่านนบี ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่ยอมจำนนต่อการใส่ร้ายของรอฟิเฏาะฮฺ อิมามียะฮฺ โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เห็นคุณค่าของท่านที่เผยแพร่ศาสนาแห่งอัลลอฮฺ ซึ่งเป็นภารกิจและการทุมเทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเชิดชูและเผยแผ่ศาสนาอิสลามแก่มวลมนุษย์ทั่วโลกด้วยการให้การอบรม,สั่งสอน และให้ความรู้เรื่องศาสนาอิสลาม ส่วนมนุษย์เหล่านั้นก็ให้การตอบรับต่อท่านนบี มุหัมมัด ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อย่างดี

ท่านคงจะเคยได้เห็นงานเขียนหรือความเชื่อ(อากีดะห์)ของชาวชีอะฮฺรอฟีเฏาะฮฺที่บ่งบอกว่า บรรดาอิมามชั้นสูงของชีอะฮฺมีความสูงส่งเทียบเท่ากับท่านนบี และพวกชีอะฮฺยังย่อคำว่า ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม(ขอพรแห่งประเสริฐและความสันติสุขจงมีแด่ท่านบี) เป็นอักษร ศ. แค่ตัวเดียวโดยไม่ได้เขียนหรือกล่าวอย่างเต็มประโยค ส่วนการกล่าวถึงบรรดาอิมามของชีอะฮฺ พวกเขาส่วนใหญ่จะกล่าว "ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน" ต่อท้ายจากนามของอิมามของพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่ได้ย่อหรือใช้สัญลักษณ์ใดๆทดแทนคำดังกล่าว พวกชีอะฮฺไม่ได้เปิดเผยหรือดูถูกอย่างโจงแจ้งต่อภารกิจที่ท่านนบี มุหัมมัด ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม แต่การกระทำลักษณะนี้ชี้ให้เห็นว่าพวกชีอะฮฺกำลังดูถูกและเหยียบหยามท่านนบีอยู่

โคมัยนีย์ กล่าวในหนังสือของเขา "กัชฟุ อัลอัสรอร์"ว่า ท่านนบีเป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบเรื่องที่บรรดาอิมาม(ผู้นำอิสลามหลังจากที่ท่านนบีเสียชีวิตไปแล้ว) ห้ามมิให้บรรดาอิมามอาลาวียีนที่มาจากตระกูลอาละวีย์ขึ้นมาเป็นผู้นำ เนื่องจากว่าท่านนบีบกพร่องในการดะอฺวะห์หรือเผยแพร่สารแห่งศาสนาอิสลาม

คำกล่าวของโคมัยนีย์มีว่า "เป็นเรื่องที่ชัดแจ้ง หากท่านนบีได้เผยแผ่เรื่องอิมาม(ผู้นำ)ตามที่อัลลอฮฺทรงสั่งไว้ และทุ่มเทในเรื่องนี้ แน่นอนว่าจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายและแตกแยกในเรื่องหลักสำคัญแห่งศาสนาและรายละเอียดปลีกย่อยของศาสนาในประเทศอิสลาม"

                    จากหนังสือ กัชฟุ อัลอัสรอร์ หน้า 155 โดย อิมาม โคมัยนีย์

      โคมัยนีย์ กล่าวเพิ่มเติมในเรื่องความบกพร่องและความล้มเหลวของท่านนบีในการเผยแผ่สารแห่งความยุติธรรมและขัดเกลามนุษยชาติ โดยได้กล่าวว่า " บรรดานบีทั้งหลายได้ถูกส่งมายังโลกนี้เพื่อเผยแผ่สารแห่งยุติธรรมแก่ชาวโลก แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ แม้กระทั้งนบี มุหัมมัด ซึ่งเป็นนบีคนสุดท้ายแล้วก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเผยแพร่สารแห่งยุติธรรมและเปลียนแปลงสังคมสู่หนทางที่ดีได้

           ดูหนังสือ นะฮฺญ์ โคมัยนีย์ หน้า 46

ชีอะฮฺได้อ้างว่า ท่านนบี ไม่ได้เผยแพร่บทบัญญัติทุกประการที่อัลลอฮฺทรงประทานให้ แต่ท่านนบีเผยแพร่บางส่วนที่จำเป็นต่อสังคมขณะนั้นเท่านั้น และส่วนบทบัญญัติที่เหลือท่านก็สั่งเสียให้แก่ อะฮฺลุซซุนนะฮฺ (คือชาวสุนนีย์ ซึ่งผู้ที่ตามแนวทางของท่านนบี) เมื่อชนรุ่นหลังมารับศาสนาอิสลามจากบรรดาศอหาบะฮฺ(สหาย)ซึ่งเป็นอะฮฺลุซซุนะฮฺ พวกเขาเหล่านั้นก็รับศาสนาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับส่วนที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้แก่บรรดาอิมามของชีอะฮฺรอฟิเฏาะฮฺเผยแพร่ต่อ

มุหัมมัด ฮุสเซน อาล กาชิฟ อัลฆิตออฺ ซึ่งเป็นที่อ้างอิงของชาวชีอะฮฺช่วงปี 1965 – 1973 ค.ศ. เหมือนที่โคมัยนีย์และคูอีย์เคยเป็นมาก่อน กล่าวว่า " ท่านนบีมูหัมมัดได้เผยแพร่บทบัญญัติแห่งศาสนาบางส่วนเท่านั้น และได้ปิดบังบางส่วน สำหรับที่ท่านปิดบังนั้นท่านได้สั่งเสียแก่บรรดาอิมามของชีอะฮฺเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อตามกาลเวลาที่สมควร "

นี่คือบทสรุปแนวความคิดของอิมามสิบสองของชาวชีอะฮฺต่อท่านนบีมูหัมมัด ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม โดยพวกเขาใส่ร้ายต่อท่านนบีว่า ล้มเหลว, บกพร่อง และไม่ประสบความสำเร็จในการเผยแพร่บทบัญญัติแห่งอัลลอฮฺ ซึ่งพวกชีอะฮฺมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนแนวทางแห่งชีอะฮฺและเบียงเบนให้สังคมมิได้เห็นคุณค่าแห่งการต่อสู้การเสียสละของนบีและผู้ที่ตามแนวทางของท่าน เหตุนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายและแตกแยกกันในสังคม นี่หรือความช่วยเหลือและการปกป้องที่ชีอะฮฺทำต่อท่านนบี ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม  

อัลลอฮฺทรงตรัสในอัลกุรอานว่า

ความว่า แท้จริงมีรซูล(ศาสนฑูต)คนหนึ่งจากพวกท่านเองได้มาหาพวกท่านแล้ว เป็นที่ลำบากใจแก่เขาในสิ่งที่พวกท่านได้รับความทุกข์ยาก เป็นผู้ที่ห่วงใยในพวกท่าน เป็นผู้เมตตา ผู้กรุณาส่งสารต่อบรรดาผู้ศรัทธา

ชีอะฮฺรอฟิเฏาะฮฺได้กล่าวว่าท่านนบีล้มเหลวในการเผยแพร่สารแห่งศาสนาของพระเจ้าและไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้สังคมอยู่ด้วยความยุติธรรมได้

โอ้อัลลอฮฺ ข้าพเจ้าขอห่างไกล้ด้วยพระองค์จากชีอะฮฺ จากวาจาของชาวกาฟิร(ผู้ปฏิเสธต่ออัลลอฮฺ)

โอ้อัลลอฮฺ ข้าพเจ้าขอปฏิญานตนว่า ท่านนบีมูหัมมัด ซึ่งเป็นที่รักของพวกเรา ได้เผยแพร่สารแห่งพระองค์ทุกประการแล้ว ขอพระองค์อัลลอฮฺทรงประทานผลตอบแทนที่ดีเลิศต่อท่านนบีด้วยเทอญ อามีน