: อิมาม โคมัยนีย์ : ประวัติอิมามโคมัยนีย์ - โคมัยนีย์ ในอิรัก

ผู้ดูแลเว็บไซต์

10/8/1425

แนะนำผู้อื่น

พิมพ์บทความนี้


โคมัยนีย์ ในอิรัก

โคมัยนีย์ ในอิรัก

 

 

 

ดร.มูซา อัลมูซาวีย์ ซึ่งเป็นชาวชีอะฮฺ ได้กล่าวในหนังของเขา ชื่อ "อัษเสาเราะฮฺ อัลบาอิสะฮฺ"

 

โคมัยนีย์ ใน อิรัก

โคมัยนีย์ ได้มาถึงอิรักเมื่อปี 1965 และอาศัยเป็นถิ่นฐาน ณ.เมืองนัจฟ์

ผู้ที่สนับสนุนเขาได้มีการรวมตัว และมีบางกลุ่มจากอิหร่านที่สนับสนุนโคมัยนีย์ก็เข้าร่วมด้วย โคมัยนีย์อาศัยอยู่ที่เมืองนัจฟ์ จนปี 1978 เนื่องจากเขาเดินทางไปยังปารีส ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สังคมรู้กัน.

โคมัยนีย์ขณะอาศัยเมืองนัจฟ์ เขามีโปรแกรมเฉพาะเพื่อการปฎิบัติตัวทุกวัน เขาไม่มีกิจกรรมใดๆที่ส่อถึงการคัดค้านผู้นำ จนกระทั้งปี 1968  ซึ่งเป็นปีที่พรรค"อัลบะสฺ" ได้เป็นรัฐบาล หลังจากที่ได้รับหน้าที่ไม่กี่เดือนก็มีเหตุปะทะกันระหว่างรัฐบาลอิรักกับผู้นำอิหร่าน เนื่องจากอิหร่านได้ส่งความช่วยเหลือให้ มุลลา อัลบารอซานีย์และพวกของเขา ซึ่งเป็นเผ่า อัลอักรอด ณ.จุดนั้น ได้เป็นการเริ่มต้นแห่งสงครามทางสื่อระหว่างอิรักและอิหร่าน  รัฐบาลอิรักก็ได้ประกาศว่า อิรักพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่หลี้ภัยจากการปกครองของผู้นำอิหร่าน หลังจากนั้นก็ได้มีการหนีหลี้ภัยจากหลายพรรค,หลายกลุ่ม ที่คัดค้านผู้นำอิหร่านได้หลี้ภัยเข้ามาอาศัยในอิรัก และในกลุ่มดังกล่าวมีกลุ่มที่สนับสนุนแนวทางของโคมัยนีย์ร่วมด้วย รัฐบาลอิรักก็ได้ให้ความสำคัญและความช่วยเหลือแก่โคมัยนีย์และผู้ร่วมขบวนการของเขา

เมื่อการโจมตีเริ่มขึ้นจากสถานีวิทยุเปอร์เซียแห่งหนึ่งในกรุงแบกแดด ที่ต่อต้านผู้นำแห่งอิหร่าน และมีสถานีโทรทัศน์เฉพาะสำหรับโคมัยนีย์และกลุ่มคณะของเขาเพื่อโจมตีรัฐบาลอิหร่านในสมัยนั้น โคมัยนีย์ได้จัดรายการ "อันนะฮฺเฏาะฮฺ อัรรูฮิยะฮฺ" โดยมีผู้เรียกกันว่า มะห์มูด ดุอาอีย์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุบและผู้ช่วยขบวนการโคมัยนีย์รับหน้าที่แพร่กระจ่ายรายการดังกล่าว

โคมัยนีย์กับรัฐบาลอิรักมีความสัมพันธ์แน้นแฟ้นมาก เนื่องจากว่าลูกของโคมัยนีย์ได้เข้าเยี่ยมคณะนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ ด้วยการนำสารจากบิดาว่าด้วยการชื่นชมและขอบคุณรัฐบาลอิรักที่ให้ความช่วยเหลือทุกประการที่ทำให้ได้ขับเคลื่อนขบวนการทางการเมืองซึ่งไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้

 

เราได้บันทึกหัวข้อต่างๆที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นรายระเอียดเกี่ยวกับความช่วยเหลือที่โคมัยนีย์ได้รับจากรัฐบาลอิรัก ซึ่งวันนี้โคมัยนีย์ได้ทำสงครามกับพวกเขา.

เพื่อชาวอิหร่านจะได้รับรู้ว่าโคมัยมัยนีย์ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอิรักมากมายขนาดไหนในระยะเวลาสิบปี ที่โคมัยนีย์อาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาและการปกป้องจากรัฐบาลอิรัก เพื่อเขาจะได้กลับไปยังอิหร่านและตอบแทนบุญคุณรัฐบาลอิรักและราษฏรแห่งอิรักหลังจากนั้น

 

1.      รัฐบาลอิรักให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แก่ผู้หลี้ภัยทางการเมืองที่อาศัยอยู่ในอิรักขณะนั้น โดยเฉพาะกลุ่มโคมัยนีย์และผู้ติดตามของเขา รัฐบาลอิรักได้ให้ความสะดวกสบายแก่พวกเขาในเรื่องการใช้ชีวิตและปัจจัยยังชีพ และรัฐบาลอิรักยังให้หนังสือเดินทางแห่งประเทศอิรักด้วยเพื่อสะดวกในการเดินทางของพวกเขาหลังจากที่ผู้นำอิหร่านไม่อนุญาตให้ออกหนังสือเดินทางแก่พวกเขา 

2.      กระทรวงสารสนเทศได้มอบหมายคลื่นวิทยุคลื่นหนึ่งที่กระจายเสียงแห่งสถานีวิทยุแบกแดดด้วยภาษาเปอร์เซียแก่โคมัยนีย์และพรรคพวกเพื่อต่อต้านผู้นำแห่งอิหร่านในสมัยนั้น และบรรดาผู้จัดรายการวิทยุนั้นล้วนเป็นผู้สนับสนุนโคมัยนีย์ รายการวิทยุดังกล่าวได้กระจายเสียงทุกวัน มีชื่อว่า "อันนะฮฺเฏาะฮฺ อัรรูฮิยะฮฺ"

3.      มุสตอฟา ซึ่งเป็นลูกชายโคมัยนีย์ได้เชื่อมความสัมพันธ์แน้นแฟ้นกับรัฐบาลอิรัก ติดต่อโดยตรงกับคณะบริหารประเทศหรือผ่าน พลเอก บัคติยาร์ และมุสตอฟาได้ขอความช่วยเหลือต่างๆนานาแก่ขบวนการบิดาของเขาและสิ่งที่เขาขอไปนั้นไม่ถูกปฏิเสธแต่อย่างใด

4.      แผนกการฝึกส้อมด้านทหารให้การฝึกส้อมแก่ขบวนการของกลุ่มโคมัยนีย์นอกเมืองนัจฟ์ และมีตัวแทนจากโคมัยนีย์กำกับดูแลการฝึกส้อม เขาคือ เชค ยัซดีย์ ปัจจุบันเขายังมีชีวิตอยู่ในอิหร่าน สำหรับอาวุธยุธโธปกรณ์รัฐบาลอิรักเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ

5.      โคมัยนีย์ ได้ต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ของอิรัก การสนทนาของเขาได้แสดงออกถึงการขอบคุณแด่รัฐบาลอิรักที่ให้การช่วยเหลือพร้อมขอพรให้แก่รัฐบาลอิรักได้ประสบกับความจำเริญและความสำเร็จ

6.      โคมัยนีย์ ได้มอบความหวังของเขาแก่ผู้นำอิรักเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขา ความหวังของเขาก็ถูกตอบรับแม้กระทั้งเหตุการณ์ที่ร้ายแรง ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1970 ด้วยรัฐบาลได้ตัดสินให้ประหารชีวิต ซัยยิด หะสัน อัชชีรอซีย์ เนื่องจากถูกใส่ร้ายว่าเป็นสายลับแก่ต่างชาติ โคมัยนีย์และผู้ร่วมขบวนการของเขาเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ โคมัยนีย์จึงได้เขียนจดหมายด้วยลายลักษณ์อักษรของตนเองส่งแก่ พลเอก ตัยมูร บัคตาร์ ซึ่งขณะนั้นอาศัยอยู่ ณ.กรุงแบกแดด เพื่อให้นายพลผู้นี้ช่วยนำความในสารไปเรียนแก่ประธานาธิปดี ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งคณะนั้นยังเป็นผู้ช่วยผู้นำรัฐบาล จุดประสงค์เพื่อขอความเมตตาและอภัยโทษแก่ผู้ถูกใส่ร้ายดังกล่าว  ประธานาธิปดี ซัดดัม ฮุสเซน ก็รับคำขอและได้ให้อภัยแก่ ซัยยิด หะสัน อัชชีรอซีย์ หลังนั้นสองเดือนเขาก็ได้การปล่อยตัว เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

7.      เมื่อ มุสตอฟา บุตรของโคมัยนีย์ เสียชีวิต โคมัยนีย์ก็ได้ยื่นขอความกรุณาจากผู้นำอิรักด้วยการขอให้ออกคำสั่งเป็นข้อยกเว้นอนุญาตให้ฝั่งศพลูกชายของเขาในสุสาน "อัรเราเฏาะฮฺ อัลหัยดาริยะฮฺ" ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งต้องห้ามตามมติคณะบริหารประเทศ โคมัยนีย์ได้ยื่นขอความช่วยเหลือจากผู้นำอิรักด้วยฝ่านรัฐมนตรีกระทรวงสาธรณสมบัติแห่งอิรัก และความประสงค์ของโคมัยนีย์ก็ถูกตอบรับ ในที่สุดโคมัยนีย์ได้ฝังศพลูกชายสมดังใจปรารถนา

8.      อะห์มัด ลูกชายโคมัยนีย์ได้ยื่นขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอิรักเพื่อขอช่วยคุ้มครองบิดาจากการลอบสังหาร ทางรัฐบาลอิรักก็ได้ให้ความคุ้มครองแก่โคมัยนีย์ด้วยการร่วมมือจากอะห์มัดในการให้การคุ้มครองดังกล่าว

9.      ขณะโคมัยนีย์ออกจากอิรักและเดินทางมุ่งสู่คูเวต กระนั้นรัฐบาลคูเวตไม่ยินยอมให้โคมัยนีย์เข้าดินแดนของเขา ทำให้โคมัยนีย์ต้องพักอาศัยอยู่ ณ.ชายแดนโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป รัฐบาลอิรักได้ทราบข่าวดังกล่าวจึงอนุญาตให้โคมัยนีย์กลับเข้าอาศัยในอิรักอีกครั้ง เมื่อเขาเดินทางมาถึงกรุงแบกแดด รัฐบาลอิรักได้อนุญาตให้เขากลับไปอาศัยและใช้ชีวิต ณ.เมืองนัจฟ์อีกครั้งหากเขาต้องประสงค์ด้วยเงื่อนไขว่าโคมัยนีย์ต้องเคารพกฎหมายแห่งอิรัก

 

ทั้งหมดนี้ ที่ประเทศอิรักได้ให้ความช่วยเหลือแก่โคมัยนีย์และผู้ร่วมขบวนการของเขามันยิ่งใหญ่และมากมายเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าโคมัยนีย์ประกาศสงครามและเป็นศัตรูกับอิรักได้อย่างไร ทั้งๆที่อิรักให้การต้อนรับโคมัยนีย์และพรรคพวกซึ่งเป็นแขกผู้มาเยือนเป็นอย่างดี แต่กลุ่มโคมัยนีย์ได้กล่าวผ่านสื่อรัฐบาลอิรักว่าอิรักเป็นกาฟิร.  รัฐบาลอิรักเป็นกาฟิรมาตั้งแต่เมื่อไหรหรือ โคมัยนีย์ถึงได้ให้ทำสงครามกับประเทศนี้และสั่งให้โจมตีให้อิรักให้พังพินาศ หรือว่าด้วยเหตุสองประโยคที่อิรักกล่าวไว้ นั้นคือ จงให้เคารพและให้เกียติต่อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญแห่งอิรักหรือไม่ก็จงเดินทางไปในหนทางที่ท่านประสงค์ เราคิดว่าสังคมส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงว่าสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างโคมัยนีย์กับอิรักเป็นการโกรธแค้นเรื่องส่วนตัวที่โคมัยนีย์มีต่ออิรักไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์หรือสิ่งอื่นใด

 

ข้าพเจ้าได้นำเสนอสิ่งซ้อนเร้นและความลับระหว่างอิหร่านกับอิรักแล้ว ดังนั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าต่ออัลลอฮฺแล้ว และได้เรียบเรียงและเผยแพร่ประวัติศาสตร์และเรื่องราวให้สังคมทั่วโลกทุกยุคทุกสมัยได้ร่วมรับรู้ถึงอันตรายและความอิจฉาที่โคมัยนีย์และพรรคพวกของเขามีต่อศาสนาอิสลามโดยที่เขาทำลายอิสลามด้วยการแฝงนามว่าเขาเป็นมุสลิมและทำลายประเทศที่เป็นอิสลามโดยแสดงตัวว่าเป็นนักพัฒนาอิสลาม กระผมได้เข้าร่วมรับฟังการสนทนาระหว่าง พลเอกบัคติยาร์ กับมุสตอฟา บุตรของโคมัยนีย์ โดยมีใจความถึงแผนการหลังจากที่โคมัยนีย์และพรรคพวกได้ปกครองประเทศดังรายละเอียดจากการสนทนาดังกล่าวดังต่อไปนี้..

อิรักได้ตัดความสัมพันธ์ทางการฑูตกับอิหร่านเนื่องจากอิหร่านได้ยึดเกาะทั้งสามของอิรักมาครอบครอง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยิ่งแย่ลงเรื่อยๆจนถึงศูนย์ ผู้นำแห่งอิหร่านก็ได้ออกคำสั่งให้ทหารของเขาเคลื่อนทับไปยังชายแดนที่ติดกับอิรักด้วยความตั้งใจว่าจะให้เกิดสงครามระหว่างอิหร่านกับอิรัก มุสตอฟา บุตรของโคมัยนีย์มาเยือนอิรักเพื่อพบปะกับ พลเอก บัคติยาร์ ณ.วังอัสสลาม พร้อมกับขอความเหลือให้ พลเอก บัคติยาร์ นำสารไปยังรัฐบาลอิรักว่า บิดาของเขาโคมัยนีย์ ผู้นำจิตวิญญานแห่งอิหร่านได้เตรียมคำสุนทรพจน์ที่จะกล่าวต่อหน้าบรรดาทหารเพื่อปลุกระดมให้ทำสงครามกับผู้นำอิหร่านขณะนั้นหากผู้นำคนนี้ไม่ยอมรุกหรือโจมตีอิรัก ด้วยคำกล่าวของเขาในสุนทรพจน์ว่า เป็นสิ่งที่ว่าญิบสำหรับทหารชาวอิหร่านที่ต้องทำสงครามกับผู้นำอิหร่าน(ขณะนั้น)เนื่องจากว่าเขาได้ออกจากหนทางแห่งศาสนาอิสลาม

 

     นี่แหละคือโคมัยนีย์ขณะอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในอิรักปราศจากอำนาจ และวันนี้ที่เขาเป็นผู้ปกครองและครอบครองอำนาจในอิหร่านด้วยแนวคิดที่บิดเบือน!!

 

จากหนังสือ "อัษเสาเราะฮฺ อัลบาอิสะฮฺ" โดย ดร.มูซา อัลมูซาวีย์ ชาวชีอะฮฺ 

จากหนังสือ "อัษเสาเราะฮฺ อัลบาอิสะฮฺ" โดย ดร.มูซา อัลมูซาวีย์ ชาวชีอะฮฺ