: อิมาม โคมัยนีย์ : อากีดะฮฺ(ความเชื่อ)ของอิมามโคมัยนีย์ - โคมัยนีย์ กับการสรรเสริญบรรดาอิมามสิบสองมากกว่าบรรดานบีทั้งหลาย

ผู้ดูแลเว็บไซต์

10/8/1425

แนะนำผู้อื่น

พิมพ์บทความนี้


โคมัยนีย์ กับการสรรเสริญบรรดาอิมามสิบสองมากกว่าบรรดานบีทั้งหลาย

โคมัยนีย์ กับการสรรเสริญบรรดาอิมามสิบสองมากกว่าบรรดานบีทั้งหลาย

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

มวลการสรรเสริญทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านนบีมุหัมมัด ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตลอดจนเครือญาติ, สหาย และผู้บฏิบัติตามหนทางของท่าน

 

กลุ่มวัยรุ่นมุสลิมส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าโคมัยนีย์คือบุคคลที่จะนำศาสนบัญญัติแห่งอิสลามมาปฏิบัติใช้ในสังคมและมองว่าโคมัยนีย์เป็นผู้ที่มีบุคคลิน่าเชื่อถือ จนกระทั้งบางคนพูดว่า โคมัยนีย์คือบุคคลที่นำข่าวดีที่ตามหนทางของท่านนบีมาเผยแพร่

 

ข้าพเจ้ารู้ว่าพี่น้องชาวปาเลสไตน์บางส่วนได้ยอมรับอากีดะฮฺของชีอะฮฺที่โคมัยนีย์เชิญชวนหลังจากที่โคมัยนีย์ได้เปิดเผยว่าเขาจะช่วยให้ดินแดนแห่งปาเลสไตน์ได้เป็นอิสระและเขาจะช่วยขบวนการที่ต่อสู้เพื่อปาเลสไตน์อย่างเต็มที่ จนกว่าปาเลสไตน์จะเป็นเอกราชและขับไล่ยิวออกจากดินแดนของพวกเขา

 

กลุ่มปลดปล่อยดินแดนปาเลสไตน์ต้องเผชิญกับความโชคร้ายอย่างมากเพราะผู้นำกลุ่มฯท่านหนึ่งได้ไปเยี่ยมเตฮารานเพื่อเขาเยี่ยมคาราวะอีมามโคมัยนีย์ผู้นำแห่งอิหร่าน หลังจากกลับจากเตฮารานสู่ภูมิลำเนาก็ได้เล่าความประทับใจของเขาต่อโคมัยนีย์ซึ่งเป็นคนที่ถ่มตัวโดยโคมัยนีย์มานั่งทานซัยตูนและไข่กับเขา โดยปราศจากการรู้ว่าโคมัยนีย์เป็นผู้ค้าดินแดนปาเลสไตน์

คนดังกล่าวนั้นรู้เรื่องเฉพาะไข่กับซัยตูนที่ได้นั่งทานกับโคมัยนีย์เท่านั้น แต่ไม่รู้เรื่องอากีดะฮฺ, หนังสือ และแผนการของโคมัยนีย์เลย [1]

เวลาหลายปีที่ข้าพเจ้าพยายามเขียนหนังสือ “จุดยืนโคมัยนีย์จากอะฮฺลิสสุนนะฮฺ(ชาวสุนนีย์)”  สรุปว่าได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจซึ่งทำให้บรรดาวัยรุ่นมุสลิมเข้าใจในเรื่องนี้อย่างชัดเจนขึ้น “อัลหัมดุลิลาฮฺ”

พี่น้องบางท่านได้ขอให้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องอากีดะฮฺ(ความเชื่อ)ของโคมัยนีย์เป็นวารสารหรือหนังสือเล็กๆด้วยวิธีการเขียนที่เข้าใจง่ายเพื่อผู้อ่านจะหาซื้อนำไปอ่านได้ง่าย หรืออาจตีพิมพ์แจกได้ ข้าพเจ้าขอวินวอนต่ออัลลอฮฺและเริ่มเรียบเรียงเนื้อหาในแผ่นกระดาษ ข้าพเจ้าหวังว่าอัลลอฮฺจะตอบแทนความดีในเรื่องนี้

ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงเนื้อหาที่จำเป็นจะต้องรับรู้อย่างยิ่ง เนื่องจากอูลามาอ์อิสลามส่วนใหญ่กล่าวว่าอากีดะฮฺของเขาเป็นอากีดะฮฺที่กาฟิร ไม่เคยมีผู้ใดคิดว่าอิมามจะดีกว่าท่านนบี ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม

 

 

อบู อับดุรเราะฮฺมาน มูหัมมัด มาลุลลอฮฺ

กรุงเบรุต

25/5/1983

 

 

 

 

บรรดาอิมามสิบสองเลิศกว่าบรรดานบีทั้งหลาย

มวลมนุษย์กำลังเดินในหนทางที่หลงผิดและปราศจากการจงรักภักดีต่อเอกอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง ซึ่งอัลลอฮฺพระองค์เดียวเท่านั้นที่ควรต่อการอีบาดะฮฺและจงรักภักดี ด้วยความเมตตาของพระองค์อัลลอฮฺต่อบ่าวทั้งหลาย พระองค์จึงได้ส่งฑูตของพระองค์มายังมวลมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยเพื่อจะได้รู้จักอัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขา และเพื่อให้พวกเขารับรู้ความสุขสบายที่พระองค์อัลลอฮฺได้เตรียมไว้ในสวนสวรรค์ของพระองค์แก่พวกเขาที่จงรักภักดีต่อพระองค์ และเพื่อให้มวลมนุษย์ได้รับรู้หนทางที่เที่ยงธรรมหากพวกเขากำลังหลงทางอยู่

 

บรรดานบีทั้งหลายนั้นคือผู้นำแห่งมัคลูก(สิ่งที่ถูกสร้าง) ทั้งด้านสติปัญญาและจิตวิญญาณ อัลลอฮฺทรงเลือกบรรดนบีเหล่านั้นเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับพระโองการแห่งองค์อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลนำไปเผยแผ่สู่มวลมนุษย์

อัลลอฮฺทรงเลือกบรรดานบีนั้นเพื่อจะให้บรรดาท่านนบีเหล่านั้นเข้มแข็งและเตรียมพร้อมที่จะแบกภาระที่ยิ่งใหญ่ เพื่อบรรดาบนีทั้งหลายนั้นได้เป็นแบบอย่างที่เป็นรูปธรรมซึ่งด้วยการนำองค์ความรู้ที่อัลลอฮฺทรงประทานนำไปสอนมวลมนุษย์ต่อไป

 

บรรดานบีที่อัลลอฮฺทรงคัดเลือกนั้นจะไม่เป็นสิ่งอื่นใดได้นอกเสียจากบรรดานบีเหล่านั้นคือผู้ปราศจากความผิดและโทษ และเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่กระทำบาปเลย นบีเหล่านั้นจะไม่ละทิ้งคำสั่งแห่งอัลลอฮฺและจะมิทำในสิ่งที่ต้องห้าม คุณลักษณะของบรรดานบีนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยมารยาทที่ยิ่งใหญ่, เป็นแบบอย่างที่ดีงามและสูงส่งซึ่งทำให้ผู้คนพยายามที่จะเป็นอย่างนั้นด้วย ซึ่งพระองค์อัลลอฮฺเป็นผู้อบรมและให้การสั่งสอนแก่บรรดานบีเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง จนกระทั้งบรรดานบีทั้งหลายนั้นเป็นสุดยอดแห่งมนุษยโลก [2]

 

 บรรดนบีทั้งหลายนั้นคือมุคลูก(สิ่งถูกสร้าง)ที่ดีเลิศที่สุด และนบีมุหัมมัด ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม คือนบีที่ดีเลิศที่สุดในบรรดาบนีทั้งหลาย แต่มีบางกลุ่มที่ถือว่าตัวเองเป็นอิสลาม พวกเขาจะเคารพและให้เกียติผู้อื่นที่มิใช่ อบูบักร, อุมัร และอุสมาน รอฏิยัลลอฮฺ อันฮุม  จนกระทั้งมีบางคนในปัจจุบันเชื่อและให้เกียติในสิ่งที่งมงายมากกว่าท่านนบี ศอลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม

นั้นคืออากีดะฮฺของชีอะฮฺรอฟีเฏาะฮฺต่อบรรดนบี และยังได้กล่าวอีกว่าอัลลอฮฺนั้นประกอบด้วยความไม่รู้และหลงลืม จงดูความเลวร้ายของชีอะฮฺกับอัลลอฮฺซิ ซึ่งอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสร้างพวกเขา และนับประสาอะไรการกระทำของเขากับผู้อื่น??

อัลลอฮฺ ตะอาลา กล่าวว่า ลูกหลาน อับดุลลอฮฺ ซะบาอฺ เหย่อหยิ่งเอานัก[3]

การที่ชีอะฮฺยึดถือว่าบรรดาอิมามสิบสองของเขาเศิลกว่านั้นนบีนั้น เราไม่ได้ตั้งสมมุติฐานหรือกล่าวให้ร้ายต่อชีอะฮฺแต่อย่างใด หรือท่านอาจจะคิดว่าเรานำเสนอในเชิงวิชาการโดยการนำบางส่วนมานำเสนอเท่านั้น แต่สิ่งที่เรานำเสนอมีการอ้างอิงอย่างชัดเจนจากหนังสือของชีอะฮฺเอง

 

เชค มูฟีด ซึ่งเป็นนักศาสนาที่เป็นที่ยอมรับในชาวชีอะฮฺกล่าวว่า

แท้จริงประชากรอิสลามไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องอิมาม(ผู้นำแห่งศาสนาอิสลาม)แม้กระทั้งบรรดานบีและรสูล นอกจากท่านนบีมุหัมมัดเท่านั้น เนื่องจากมีบรรดอิมามสิบสองอยู่แล้ว [4]

 

เป็นเรื่องปกติที่ชีอะฮฺกุเรื่องต่างๆที่บ่งบอกว่าบรรดาอีมามสิบสองดีเลิศกว่าบรรดานบีทั้งหลาย ซึ่งสิ่งที่เขากล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่มีรายงานใน ศอฮีห อัลบุคอรีย์ และมุสลิม แม้แต่รายงานเดียว แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นการโกหกทั้งสิ้น ซึ่งได้กล่าวในหนังสือ อัลอิฟก์ วา อัฏฏอลาล อัลกาฟีย์ ของอัลกุลัยนีย์ และในหนังสือเล่มอื่นๆของชาวชีอะฮฺ

 

 ข้าพเจ้าขอกล่าวตัวอย่างบางบทเพื่อเป็นหลักฐานที่ชัดเจนแก่ผู้อ่านดังต่อไปนี้,,

 

1.      รายงานจาก ซัยฟ์ อัลตัมมาร์ : เราเป็นกลุ่มจากชีอะฮฺ ที่เข้าเยี่ยม อบี อับดิลลาฮฺ(ญะฟัร อัศศอดิก) ที่ หิจร์ อิสมาอีล(ณ.กะอฺบะฮฺ) . อบีอับดิลลาฮฺ กล่าวว่า : มีสายลับกำลังสืบเราอยู่. พวกเราก็มองซ้าย-มองขวาเขาก็ไม่ได้เห็นใคร เราก็บอกว่า ไม่มีสายลับสืบเรื่องเราหรอก

อบู อับดิลลาฮฺ กล่าวว่า : ฉันขอสาบานด้วยพระเจ้าของกะอฺบะฮฺ (สามครั้ง) หากฉันอยู่สมัยนบีมูซาและคอฏอร์ แน่นอนฉันจะบอกแก่เขาทั้งสองว่า ฉันรู้มากกว่าเขาทั้งสองอีก และฉันจะบอกเขาทั้งสองในสิ่งที่เขาไม่รู้ เพราะนบีมูซาและคอฏอร์ได้ถูกประทาน(รับรู้)แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วเท่านั้น เขาทั้งสองไม่ได้รับรู้เรื่องสิ่งที่จะเกิดขึ้น(เร้นลับ)เลย เขา(อบี อับดิลลาฮฺ)รู้สิ่งเร้นลับที่จะเกิดขึ้นจนกระทั้งวันกียามัต เพราะเขารับมรดกนี้จากท่านนบี [5]

2.   รายงานจาก อับดุลลอฮฺ บิน อับวะลีด กล่าวว่า : อบู อับดิลลาฮฺ ถามฉันว่า : ชีอะฮฺ กล่าวอะไรแก่นบีอีซา, นบีมูซา และอามีรุ้ลมุอฺมินีนบ้าง? ฉันตอบว่า : พวกชีอะฮฺกล่าวว่า : นบีอีซาและนบีมูซาดีกว่าอามีรุ้ลมุอฺมินีน. อบู อับดิลลาฮฺ ถามต่อว่า : แล้วพวกเขาได้อ้างหรือเปล่าวว่าอามีรุ้ลมุอฺมินีนรู้ในสิ่งที่นบีสอน?

ฉันตอบว่า :แล้วฉันจะถามเขาในเรื่องใดล่ะ?  อบู อับดิลลาฮฺ กล่าวว่า : อัลลอฮฺทรงได้ตรัสในอัลกุรอานด้วยการบัญชาแก่นบีมูซาว่า “และเราได้แจกแจงทุกอย่างไว้ให้แก่เขาในบรรดาแผ่นจารึก” ซึ่งพระองค์ไม่ได้บันทึกทุกสิ่งให้แก่นบีมูซา. และพระองค์อัลลอฮฺตรัสแก่นบีอีซาว่า “เราจะให้ความกระจ่างในบางเรื่องที่พวกเจ้าถกเทียงกัน” และอัลลอฮฺทรงตรัสในส่วนของท่านนบีมูหัมมัดว่า “และเราก็นำเจ้ามาเป็นพยานก็เขาเหล่านั้น” “และเราได้ให้คัมภีร์แก่เข้าเพื่อชี้แจงแก่ทุกสิ่ง”

 

รายงานจาก อับดุลลอฮฺ บิน บะกีร จาก อบี อับดิลลาฮฺ กล่าวว่า : ฉันได้อยู่กับเขา(อบี อับดิลลาฮฺ) ดังนั้นชาวชีอะฮฺได้พูดถึงนบีสุไลมาน และกล่าวว่า อัลลอฮฺไม่ประทานความรู้และการเป็นกษัตย์แก่นบีสุไสมานเลย. อบู อับดิลลาฮฺ ก็กล่าวแก่ฉันว่า : แล้วอัลลอฮฺประทานอะไรแก่นบีสุไลมานล่ะ? นั้นก็คือคำเดียวเท่านั้น ดังที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “จงกล่าวเถิด เพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยานระหว่างฉันกับพวกท่าน และพวกที่เขามีความรู้ในคัมภีร์(ก็เป็นพยานด้วย)” แท้จริงแล้วท่านอาลีนั้นมีความรู้ในคัมภีร์. ฉันก็ตอบอบู อับดิลลาฮฺว่า : คำพูดของท่านเป็นความจริง ฉันขออยู่เคียงข้างท่าน



[1] ดู วิญาอฺ เดารุ อัลมะญูส หน้า 6 . เราขอแนะนำให้อ่านหนังสือให้หมดทั้งเล่ม

[2] ดู หนังสือ อัลอะกออิด อัลอิสลามียะฮฺ โดย เชค ซัยยิด ซาบิก หน้า 177

[3] จงดู พระเจ้าของชีอะฮฺจะแตกต่างกับพระเจ้าของชาวซุนนะฮฺ จากหนังสือ เมากิฟ ชีอะฮฺ มิน อะฮฺลิสสุนนะฮฺ (จุดยืนของชีอะฮฺจากชาวสุนนีย์)

[4] ดู อะวาอิล อัลมะกอลาต โดย อัลมูฟีด หน้า 42 หัวข้อ “บาบ อัลเกาลุ ฟี อัลมุฟาฏอละฮฺ บัยนา อัลอาอิมมะฮฺ วา อัลอัมบิยาอฺ”

[5] อัล-อุศูล มินัล อัลกาฟีย์ เล่ม 1 หน้า 262-612 เรื่อง กิตาบุลหุญญะฮฺ, หัวข้อ อันนัลอาอิมมะฮฺ ยะลามูน อาลัยฮิ มากานา วา มายากูนุ วาอันนะฮุ ลายัคฟา อาลัยฮิมุชชัยอ์

เชค มุหัมมัด มาลุลอฮฺ