จากการรายงานจากหนังสือพิมพ์ อัชชัรกุ อัลเอาสอตฺ ดังนี้ :

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ เปิดเผยถึงเปลวไฟของเขาที่ต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน

ฮุเสน โคมัยนีย์ ได้อธิบายว่า "การปกครองของเตฮาราน(อิหร่าน)นั้น เป็นการปกครองที่ทารุณกรรมและเลวร้ายที่สุดในโลก" และยังอนุญาตให้ข่าวกรองที่สังกัดกองทหารที่ปฏิวัติเนรเทศเขาจากอิรัก

ลอนดอน : อาลี นูรีย์ ซึ่งเป็นพรรคพวกของฮุเสน อัลโคมัยนีย์ จากอิรัก โจมตีอิมามโคมัยนีย์ และชาห์ มุหัมมัด ริฏอ บะฮฺลาวีย์ ด้วยการปกครองระบบกษัตริย์ในอิหร่าน ทำให้ไฟแห่งความกริ้วโกรธของฮุเสน ผู้เป็นหลานอิมามโคมัยนีย์ก็ทวีความรุนแรงขึ้นด้วยความต่อต้านการปกครองระบบ วิลายะฮฺ อัลฟะกีฮฺ ซึ่งก่อตั้งโดยปูของเขาเองเมื่อ 24 ปีที่แล้ว.

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ คือ หลานคนแรกของอิมามโคมัยนีย์ซึ่งเป็นผู้ปฏิวัติแห่งอิหร่าน โคมัยนีย์ได้จากโลกนี้ไปขณะ ฮุเสน มีอายุ17 ปี และบิดาของเขา คือ มุสตอฟา อัลโคมัยนีย์ ได้เสียชีวิตก่อนการปฏิวัติหนึ่งปี

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ เดินทางกลับจากอิรักไปยังอิหร่านหลังจากการปฏิวัติ(1979)  พร้อมกับปูของเขาโคมัยนีย์และลุงของเขาชื่ออะห์มัด หลังจากได้พักแรมที่ โนเฟล ชาตู ฝรั่งเศส ซึ่งฮุเสน อัลโคมัยนีย์เคยเติบโตที่อิหร่านเมื่อครั้งเยาว์วัย

หลังจากการกลับมาของ ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ เขาก็ได้กลายเป็นดาวในแวดวงสื่อต่างในอิหร่าน ด้วยที่เขายังหนุ่มและเขาให้ตระหนักและความสำคัญกับเรื่องวัยรุ่น แต่ในช่วงนั้นอิหร่านก็มีปัญหาบางประการซึ่งสืบเนื่องมาจากการปฏิวัติ และในที่สุดเขาก็แก้ปัญหาได้สำเร็จ ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ชาวอิหร่านชอบเขาและไม่เคยลืมใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ ได้เดินทางไปกับปูของเขาทุกที่ที่ปูเขาเดินทางไป ไม่ว่าจะเป็นการพบกับใคร เขาก็จะอยู่เคียงข้างปู่เขาด้วย

โคมัยนีย์ ได้มอบหมายภารกิจการแปลให้ ฮุเสน ขณะมีการพบปะระหว่าง ยัสเซอร์ อารอฟัต กับบรรดผู้นำประเทศของอิหร่านให้แก่คณะรัฐมนตรีอิหร่านที่เข้าเยี่ยมคาราวะโคมัยนีย์

ความสัมพันธ์ระหว่างฮุเสนกับปู่ของเขาผ่านด้วยความอบอุ่นเป็นระยะเวลาหลายปี

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ได้อยู่เคียงข้าง อบู อัลหะซัน บะนี ศอดัร ซึ่งเป็นผู้นำประเทศอิหร่านคนแรกในขณะที่ถูกปลดจากตำแหน่ง โดยฮุเสนเป็นผู้ปกป้องอบูหะซันจากพลังอำนาจที่ต่อต้านเขา เพื่อการปฏิเสธการปกครองของสถาบันศาสนาที่ปันป่วน ด้วยการสั่งเสียของโคมัยนีย์ต่อมารดาของฮุเสนเพื่อให้ฮุเสนศึกษาต่อ ฮุเสนก็เดินทางไปยัง กุม เพื่อศึกษาศาสนา โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับหะดีษ  ด้วยความเฉลี่ยวฉลาดและความพยายามที่ไม่หยุดย่อนของเขา ทำให้เขาเลื่อนขั้นระดับความรู้ถึงขั้น อิจติฮาด (ผู้รู้ที่สามารถตัดสินเรื่องศาสนาขั้นเด็ดขาดได้) ในระยะเวลาที่สั้น และเขาก็ได้เริ่มสอนนักศึกษาระดับสูงในสถาบันการศึกษา

ความสัมพันธ์ของ ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ กับคณะรัฐบาลเริ่มตึงเครียดหลังจากที่โคมัยนีย์เสียชีวิต ปี 1989 เรื่องนี้ก็ได้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากการเสียชีวิตของลุงของเขา อะห์มัด อัลโคมัยนีย์ และเริ่มมีการยอมรับ มุศตอฟา กาซิมีย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าองค์การความมั่นคงภายในประเทศ สังกัดกระทรวงข่าวกรอง และเป็นคนที่ถูกกล่าวหาคนที่สองในแฟ้มการลอบสังหารผู้นำทางการเมือง

อะห์มัด อัลโคมัยนีย์ ถูกสังหาร เนื่องจากช่วงท้ายของชีวิต เขามีความเห็นร่วมกันกับ ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ ในเรื่องการเผชิญหน้ากับคณะนักปกครอง ด้วยการที่เขาใสความ รอฟสันจานีย์ และคอมินอีย์ ว่า สองคนนั้นคือคนยกเลิกการรบเพื่อสรรเสริญการปกครองของเขาทั้งสอง ในที่ทำให้รอฟสันจานีย์ และคอมินอีย์ต้องบาดใจ ทำให้ อายาตุลลอฮฺ ฮุเสน อาลี ถูกปลดจากตำแหน่งผู้นำแห่งรัฐบาลโคมัยนีย์

ความตึงเครียดระหว่าง ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ กับผู้นำศาสนาในช่วงหลังได้เห็นอย่างโจงแจ้ง หลังจากที่ฮุเสน ผู้เป็นหลานโคมัยนีย์ได้ก่อการปฏิวัติโดยการสนับสนุนจากบรรดานักเรียนนักศึกษาและกลุ่มปฏิรูปทางการเมือง และเขาได้แถลงว่า จะไม่มีการออกกฏหมายที่ผกผัน(ตรงกันข้าม)นักศึกษา, ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักเขียน

การเดินทางของ ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ ไปยังอิรักปราศจากการรับรู้จากคณะรัฐบาลอิหร่านในเวลานั้น ส่วนประชากรที่รู้จักฮุเสนเป็นอย่างดี เมื่อได้รับรู้เรื่องการเดินทางดังกล่าวของฮุเสน เพื่อไปอาศัยในต่างประเทศต่างก็โศกเศร้าเสียใจ ทั้งกลุ่มวัยรุ่นที่เคร่งศาสนา, นักเรียนในสถาบันการศึกษา และองค์กรเพื่อการปฏิรูป

ความโหดร้ายของรัฐทำให้ ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ กลายเป็นผู้ต่อต้าน และไม่ใช่เขาเพียงผู้เดียวที่ต่อต้านรัฐแต่ยังมีอีกหลายพันคนที่มีความคิดเห็นเดียวกัน พวกเขาเหล่านั้นคือ นักเรียนนักศึกษา, นักศาสนา และประชากรที่บริสุทธิ พวกเขาเหล่านั้นกลัวว่าผู้นำคนใหม่ที่จะมาทดแทนนั้นจะต่อต้านศาสนาและคุณค่าแห่งศาสนา

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ ได้แถลงผ่าน หนังสือพิมพ์ "อัชชัรกุ อัลเอาสอต" ว่า เขาคัดค้านนักการศาสนาเข้าร่วมในการบริหารรัฐบาล เนื่องจากอาจนำภัยอันตรายมาสู่ศาสนาและนิกายชีอะฮฺในช่วงการปกครองของพวกเขา เพราะในปัจจุบันกระแสการคัดค้านทางศาสนากลายเป็นผู้แถลงการแล้ว

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ ขณะอาศัยอยู่ในเมืองแห่งหนึ่งในอิรัก ก่อนที่เขาจะย้ายไปอาศัยอยู่ที่ เมืองนัจฟฺ เป็นเวลา15ปี เขาได้ย้ำว่า "แท้จริงอิหร่านต้องบริหารด้วยระบบประชาธิปไตย และต้องไม่ใช้ศาสนาเพื่อกีดกั้นหรือปราบปรามสังคม" และได้กล่าวต่อว่า "เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการแยกศาสนาจากการปกครอง(การเมือง) และล้มเลิกระบบศาสนาในการบริหารประเทศดังที่ได้กล่าวมา เนื่องจากว่าเหมือนการปกครองของโบสถ์ในยุโรปในยุคโบราณ"

ฮุเสน อัลโคมัยนีย์ ได้กล่าวต่ออีกว่า "แท้จริงพวกที่รับตำแหน่งในรัฐบาลหลังจากปูของฉัน ได้เผยแพร่ชื่อของโคมัยนีย์, เรื่องศาสนา และการปกครองระบบศาสนา เพื่อสานการปกครองของพวกเขาที่เลวร้าย"

ฮุเสน โคมัยนีย์ ได้กล่าวถึง ความรู้สึกที่ไม่พอใจและโกรธที่ทำให้อิหร่านต้องอยู่ในหนทางที่มืดมน ด้วยเหตุเพราะการปกครองศาสนาในอิหร่าน เป็นการปกครองที่เลวร้ายที่สุดในโลก

http://www.sotaliraq.com/files/article_2003_09_30_4816.html